วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2558

1.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ราชบุรี
ราชบุรี
วันเปิดทำการ: วันพุธ - วันอาทิตย์
เวลาเปิดทำการ: 09.00 - 16.00
รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว :
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติราชบุรี ตั้งอยู่ถนนวรเดช ใกล้กับหอนาฬิการิมแม่น้ำแม่กลอง ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ราชบุรี จัดตั้งขึ้นเมื่อ วันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ.2529 ตัวอาคารเป็นอาคารศาลากลางหลังเก่า อาคารพิพิธภัณฑ์เคยใช้เป็นศาลากลางจังหวัดมาก่อน สร้างขึ้นเมื่อปี 2465 ในสมัยรัชการที่ 6 มีสถาปัตยกรรมที่มีกลิ่นอายของตะวันตก เช่น ประตูหน้าต่าง เสา มุม โค้งต่างๆได้รับการบูรณะจากกรมศิลปากร จัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติในปี พ.ศ. 2431 และบูรณะเรื่อยมา จนใน ปีพ.ศ.2534 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารีเสด็จฯทรงเป็นประธานเปิด พิพิธภัณฑ์อย่างเป็นทางการ เป็นสถานที่จัดแสดงแหล่งประวัติศาสตร์และความเปลี่ยนแปลงในแต่ละช่วงเวลาของจังหวัดราชบุรี โดยจัดแสดงโบราณวัตถุ ศิลปวัฒนธรรมของ ชาวจังหวัดราชบุรี ศิลปะพื้นบ้าน เครื่องมือเครื่องใช้ วัฒนธรรมความเป็นอยู่ของชนกลุ่มต่าง ๆ ในจังหวัดราชบุรี เช่น ลาวโซ่ง กระเหรี่ยงและไทย-ยวน รวมถึงจัดแสดงแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ในจังหวัดราชบุรี เรียกได้ว่า มาที่เดียวได้ทั้งความรู้และความบันเทิง
การจัดแสดงนิทรรศการภายแบ่งการจัดแสดงออกเป็น 5 ส่วนดังนี้
•สภาพทางภูมิศาสตร์และธรรมชาติวิทยาของจังหวัดราชบุรี
•ประวัติศาสตร์และโบราณคดีของราชบุรี จัดแสดงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ และโบราณคดีที่พบในจังหวัดราชบุรี เรียงตามลำดับยุคสมัย เริ่มตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ โบราณวัตถุที่โดดเด่นนอกจากพระแสงดาบราชศัสตราประจำมณฑลราชบุรีแล้ว ยังมี พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมี ศิลปะขอมแบบบายน เป็น 1 ใน 5 องค์ที่ขุดพบในประเทศไทยซึ่งมีสภาพสมบูรณ์งดงามที่สุด
•เผ่าชนชาติพันธุ์วิทยาของจังหวัดราชบุรี จัดแสดงเรื่องราวของชาวจังหวัดราชบุรี ที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติและเผ่าพันธุ์ ชาวไทยพื้นถิ่นภาคกลาง ชาวไทยจีน ชาวไทย-ยวน ชาวไทยมอญ ชาวไทยกะเหรี่ยง ชาวไทยลาวโซ่ง ชาวไทยลาวเวียง และชาวไทยเขมรลาวเดิม
•มรดกดีเด่น
•ราชบุรีในปัจจุบัน จัดแสดงสภาพทั่วไปของจังหวัดราชบุรีในปัจจุบันด้านต่างๆ รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยว ในจังหวัด
•พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30–16.30 น. ปิดวันจันทร์ วันอังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ค่าเข้าชม ชาวไทย 20 บาท (เด็กเข้าชมฟรี) ชาวต่างชาติ 100 บาท นักเรียน นักศึกษาในเครื่องแบบ ภิกษุ สามเณร นักบวชในศาสนาต่างๆ และแขกทางราชการที่ขอเข้าชมเป็นหมู่คณะไม่ต้องเสียค่าเข้าชม
นอกจากนี้ยังบริการการนำชมเป็นหมู่คณะ การบรรยายทางวิชาการ บริการห้องสมุดสำหรับการศึกษาค้นคว้าและข้อมูลทางด้านประวัติศาสตร์โบราณคดี


2.ตลาดน้ำดำเนินสะดวก
ราชบุรี
วันเปิดทำการ: ทุกวัน
เวลาเปิดทำการ: 06.00 - 12.00
รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว :
ตลาดน้ำดำเนินสะดวก ตั้งอยู่ใน จังหวัดราชบุรี และยังเชื่อมไปถึง จังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดสมุทรสงครามเข้าด้วยกันตลาดน้ำดำเนินสะดวกจะเริ่มค้าขายกันตั้งแต่ 05.00-12.00 น. สินค้าที่มีให้เลือกซื้อ ก็จะมีทั้งของกิน ของใช้ และของที่ระลึกมากมาย รวมถึงสินค้าหัตถกรรม ซึ่งเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติ
คลองดำเนินสะดวก เป็นนามพระราชทานจากรัชกาลที่ 5 เป็นคลองที่ขุดด้วยแรงงานคนซึ่งขุดได้ตรงและยาวที่สุดในประเทศ จากพระราชดำริของรัชกาลที่ 4 ที่ทรงพระประสงค์ให้ขุดคลองเชื่อมต่อระหว่างแม่น้ำแม่กลองและแม่น้ำท่าจีน เพื่อประโยชน์ในการคมนาคมและการค้าขาย คลองดำเนินสะดวก ใช้เวลาในการขุด ใช้เวลาขุด 2 ปีเศษ จากปลายรัชสมัยรัชกาลที่ 4 แล้วเสร็จต้นรัชกาลที่ 5 มีความยาวประมาณ 32 กิโลเมตรมีซอยน้อยแยกออกไปอีกประมาณ 200 คลอง ตลาดน้ำดำเนินสะดวก หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าตลาดน้ำคลองต้นเข็ม สักประมาณ 30 ปีที่แล้ว ตลาดน้ำดำเนินสะดวกอยู่ที่คลองลัดพลี หนาแน่นช่วงปากคลองต่อกับคลองดำเนินสะดวก ซึ่งอยู่ตรงข้ามตลาดน้ำปัจจุบัน(ฝั่งตรงตลาดน้ำดำเนินสะดวก) มีเรือพายแท้ ๆ จากชาวสวนแน่นขนัด สามารถเดินข้ามคลองได้โดยเหยียบไปบนเรือเหล่านั้น ปี 2514-2516 ตลาดน้ำคลองลัดพลีเป็นช่วงที่มีความเจริญมาก มีการค้าขายกับอย่างสนุกสนาน โดยมีนักท่องเที่ยวแต่ชาวต่างชาติ จนมีนายทุนได้ทำการขุดคลองเทียมขึ้นมา ระหว่างคลองลัดพลี และคลองดำเนินสะดวก หวังที่จะทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวแต่ไม่ประสบความสำเร็จ ตั้งแต่ตลาดน้ำที่แท้จริงหายไป (20กว่าปีมาแล้ว) ซึ่งตลาดน้ำในปัจจุบันนี้ เป็นเพียงการสตาฟตลาดน้ำในอดีตให้คงอยู่เท่านั้น อย่างไรก็ตามตลาดน้ำดำเนินที่เก่าแก่กว่าร้อยปี ยังคงมีมนต์ขลังเป็นตลาดน้ำที่ยังคงเป็นของจริง ยังมีจากแม่ค้าที่นำผลไม้จากสวนมาขาย หรือบางครั้งอาจรับผลไม้มาจากรถบรรทุกที่อื่นขาย เป็นอะไรสุดท้ายที่ควรไปชม  ตลาดน้ำดำเนินสะดวก ยังมีบริการเรือเช่านำเที่ยว เรือพาย ราคา 300 บาท เรือหางยาว ราคา 600 บาท นั่งได้ประมาณ 8 คน พาไปดูสวน การทำน้ำตาลสด ใช้เวลาประมาณ 45 นาที สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวอำเภอดำเนินสะดวก ห่างจากตลาดน้ำดำเนินสะดวกออกมาประมาณ 1 กิโลเมตร มีการบริการนั่งช้าง ชมตลาดน้ำดำเนินสะดวก มีสถานีตำรวจค่อยให้บริการนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทางด้านภาษาและค่อยตรวจสอบทางด้านราคาสินค้าให้แก่นักท่องเที่ยว ทางด้านอาหาร มีเรือบริการพายมาขายตามข้างทาง ทางด้านการเงิน มีธนาคาร กรุงไทย และ ธนาคารอยุธยา บริการทางด้านการเงินสำหรับการแลกเปลี่ยนเงินตราและการตรวจสอบอัตราการแลกเปลี่ยน
เดินทางอย่างไร :โดยรถประจำทาง
การเดินทางโดยรถประจำทางของ บริษัท ขนส่ง จำกัด รถธรรมดา ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ ถนนบรมราชชนนี รายละเอียดติดต่อได้ที่ โทร. 434-5557-8 และมีรถปรับอากาศ รถออกที่สถานีขนส่งปรับอากาศสายใต้ ถนนบรมราชชนนี รายละเอียดติดต่อได้ที่ โทร. 435-1199
นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวสามารถจะเดินทางไปกับรถยนต์ บขส. สายอื่นๆ ก็ได้เช่น สายกรุงเทพฯ -เพชรบุรี, กรุงเทพฯ-หัวหิน, กรุงเทพฯ -ราชบุรี, กรุงเทพฯ-ประจวบฯ แล้วลงที่ตรงทางแยกบางแพ ต่อจากนั้นก็นั่งรถสองแถว ซึ่งวิ่งระหว่างทางแยกบางแพไปดำเนินสะดวก มีตลอดเวลาทุกๆ 10 นาที
โดยทางอื่นการเดินทางโดยทางรถยนต์ ใช้เส้นทางปิ่นเกล้า-นครชัยศรี (ทางหลวงหมายเลข 338) แยกขวาเข้าอำเภอดำเนินสะดวก หรือไปตามทางหลวงสายเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) ผ่านบางแค สวนสามพราน นครชัยศรี นครปฐม เลยกม.ที่ 83 ไปเล็กน้อย จะมีทางแยกซ้ายมือ ไปตามทางหลวงหมายเลข 325 อีก 25 กม. รวมระยะทาง 81 กม. หรือจากกรุงเทพฯ ไปตามสายธนบุรี-ปากท่อ (ทางหลวงหมายเลข 35) ผ่านสมุทรสาคร รวมระยะทาง 63 กม. จะมีแยกขวามือไปสมุทรสงคราม (ทางหลวงหมายเลข 326) สิ้นสุดที่ตัวเมือง รวมระยะทาง 3 กม. เลี้ยวเข้าสู่ทางหลวงจังหวัดหมายเลข 325 อีก 12 กม. ถึงเขตดำเนินสะดวก ก่อนถึงสะพานธนะรัชต์ 200 เมตร จะมีป้ายบอกทางเข้าชมตลาดน้ำดำเนินสะดวก ซึ่งเป็นทางเดียวกับทางเข้าวัดโชติธรรมยการามเป็นระยะทาง 2 กม. ที่นี่มีท่าเรือพจวรรณ ซึ่งอยู่ติดกับตลาดน้ำคลองต้นเข็ม รวมระยะทาง 80 กม. หรือ ถ้าไม่แวะเข้าที่แยกนี้ จะเลยสะพานธนะรัชต์ไปเลี้ยวขวาบริเวณที่จอดรถ บขส. จะมีท่าเรือเสรีเคมีเกษตร เป็นท่าเรือใหญ่มีเรือให้เช่าทั้งเรือหางยาวขนาดใหญ่จุได้ 22 คน และเรือหางยาวขนาดเล็กที่เรียกว่าเรือสองตอน จุ 6-8 คน โดยทั่วไปคิดชั่วโมงละ 200-300 บาท/ลำ


3. อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม
ราชบุรี
วันเปิดทำการ:วันจันทร์ - วันอาทิตย์
เวลาเปิดทำการ: 08.30 - 17.00
รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว :
อุทยานหุ่นขี้ผิ้งสยาม ตั้งอยู่บริเวณถนนเพชรเกษมตำบลวังเย็น อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี มีเนื้อที่ประมาณ 45 ไร่ ภายใต้ความร่มรื่นของพรรณไม้ที่อยู่ระหว่างเส้นทางสถานที่จัดแสดง อุทยานหุ่นขี้ผิ้งสยาม เกิดขึ้น จากความตั้งใจ และความคิดของผู้ก่อตั้งซึ่ง มีรากฐานการเริ่มต้นของงานมาจากงานหล่อพระพุทธรูป งานหล่อประติมากรรมรูปต่างๆ จากประสบการณ์เป็นระยะเวลากว่า 40 ปี ทำให้ผู้ก่อตั้งมีความคิดที่จะสร้างสรรค์ ผลงานประติมากรรมรูปเหมือน ของพระสงฆ์รูปต่างๆ ซึ่งจำพรรษาในกุฏิ และรูปเหมือนบุคคล สำคัญต่างๆที่ท่านผู้ก่อตั้ง มีความศรัทธายกย่อง ในด้าน แนวความคิด ในการทำงาน และการดำเนินชีวิต จนประสบความสำเร็จ รวมทั้งรูปเหมือน วิถีชีวิตวัฒนธรรม ความเป็นไทย ในภาคต่างๆ ของประเทศไทย จึงได้ก่อตั้งโครงการอุทยาน หุ่นขี้ผึ้งสยามขึ้นมา โดยจัดแสดงเป็นส่วนๆ ดังนี้
1.อาคารเชิดชูเกียรติ จัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสบุคคลสำคัญต่าง ๆ ของไทย และในภูมิภาค เช่น ม.ล. ปิ่น มาลากุล นักการศึกษาคนสำคัญ ฯพณฯ ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์นักกฎหมาย  ศาสตราจารย์ ดร. ป๋วย อึ้งภากรณ์ นักเศรษฐศาสตร์ ผู้วาง รากฐานนโยบายเศรษฐกิจของไทย  อาจารย์ มนตรีตราโมท บรมครูผู้อนุรักษ์และสืบสานงานดนตรี ไทย คุณสืบนาคะเสถียร นักอนุรักษ์ธรรมชาติซึ่ง ยอมสละชีพเพื่อรักษาผืนป่าอันเป็นที่รัก แม่ชีเทเรซ่า แม่พระของ ชาวโลก  ประธานาธิบดีโฮจิมินห์ วีรบุรุษผู้กอบกู้เอกราชของ เวียดนาม เหมา เจ๋อตุงและเติ้ง เสี่ยว ผิง นักปฏิวัติผู้นำประเทศจีน เป็นต้น อาคารจัดแสดง จัดให้เส้นทางให้เดินอย่างเป็นระเบียบ
2.ลานพระ 3 สมัย  จัดแสดงพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ในสมัยสุโขทัย อยุธยา และเชียงแสน บนลานกว้างท่ามกลางธรรมชาติ และมี ป้ายแสดงรายละเอียดของลักษณะ พระพุทธรูปของแต่ละสมัยที่แตกต่างกัน
3. ถ้ำชาดก พอเดินจากลานพระ 3 สมัย จะพบความสดชื่นจากน้ำตกจำลอง และพบกับถ้ำชาดกเป็นการจัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งเรื่องราวตามลำดับของพระเวสสันดร ในรูปแบบแสง สี เสียง ทั้งตอนชูชกขอกัญหา ชาลี จากพระเวสสันดร ตอนชูชกกินจนท้องแตกตาย
4.กุฏิพระสงฆ์ และหอสวดมนต์ ภายในกุฏิพระสงฆ์จะมีการประดิษฐานหุ่นขี้ผึ้งจำลองพระอริยสงฆ์ ผู้มีชื่อเสียงและเป็นที่เคารพบูชาของประชาชน มีเสียงบันทึกบรรยายประวัติของแต่ละท่านให้ทราบ
1.กุฏิพระสงฆ์ภาคกลาง สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) สมเด็จพระสังฆราช
2.กุฏิพระสงฆ์ภาคเหนือ ครูบาศรีวิชัย สิริวิชโย วัดบ้านปาง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่
3.กุฏิพระสงฆ์ภาคอีสาน พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต วัดป่าสุทธาวาส จังหวัดสกลนคร หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ วัดอรัญบรรพต อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย
4.กุฏิพระสงฆ์ภาคใต้ พระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์ (หลวงปู่ทวด) วัดช้างไห้ จังหวัดปัตตานี พระครูวิสัยโสภณ (พระอาจารย์ทิม ธัมมธโร) วัดช้างไห้ จังหวัดปัตตานี
5.หอสวดมนต์ ประดิษฐานหุ่นจำลองในลักษณะร่วมประชุมกัน
1. หลวงพ่อเงิน    พุทธโชติ       วัดบางคลาน    จ. พิจิตร
2. หลวงพ่อทองคำ (พระเมตตาวิหารคุณ) วัดบึงบา จ. ปทุมธานี
3. หลวงปู่สุภา     กันตสีโล         วัดสิลสุภาราม   จ.ภูเก็ต
4. หลวงปู่ทิม      อิสริโก            วัดระหารไร่      จ.ระยอง
5. หลวงปู่คำพัน  โฆสปัญโญ     วัดธาตุมหาชัย  จ.นครพนม
6.  บ้านไทยสี่ภาค เป็นการจำลองบ้านไทยตามลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่เด่นชัดจาก 4 ภาคในประเทศไทย ทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอิสาน และภาคใต้ ภายในบ้านแต่ละหลังจำลองวิถีชีวิตความเป็น อยู่ของคนไทยในแต่ละภาค ที่สอดคล้อง กับสภาพสังคมวัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม
วันเวลาเปิดทำการ
วันจันทร์-วันศุกร์ : 09.00-16.30 น.
วันเสาร์,วันอาทิตย์ และ วันหยุดนัตขฤกษ์ : 08.30 –17.00 น.
อัตราค่าเข้าชมอุทยานฯ ผู้ใหญ่ 80 บาท เด็กและพระสงฆ์ 40 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 300 บาทเด็ก 200 บาท
(ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุราสอบถามไปยังอุทยานอีกครั้ง)


4.ธารน้ำร้อนบ่อคลึง
ราชบุรี
วันเปิดทำการ:ทุกวัน
เวลาเปิดทำการ: 08.00 - 17.00
รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว :
ธารน้ำร้อนบ่อคลึง เป็นบ่อน้ำแร่ร้อนธรรมชาติของเอกชน ในที่ดินของบริษัทราชบุรีเหมืองแร่และเกษตรกรรมจำกัด บ้านห้วยผาก หมู่ที่ 7 ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัด ราชบุรี ห่างจากตัวเมืองราชบุรี ประมาณ 74 กิโลเมตร ผู้ค้นพบ คือ นายประยูร โมนยะกุล เมื่อ ปี พ.ศ. 2468  ธารน้ำร้อนแห่งนี้มีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 50-57 องศาเซลเซียส หรือ ประมาณ 120-136 องศาฟาเรนไฮต์ ผุดจากใต้พื้นผิวโลกที่ร้อนจัดขึ้นมาตามซอกหินเชิงเขาตะนาวศรี ไม่มีกลิ่นฉุน ไม่มีแร่ธาตุที่ระคายเคือง ใสสะอาด ประกอบด้วยธาตุคาร์บอน เกลือและแร่ธาตุอื่นๆ น้อยกว่า 1 กรัม/ลิตร มีน้ำร้อนไหลตลอดทั้งปี แม้ในฤดูแล้งปริมาณน้ำไหลจะน้อยลงบ้างแต่ไม่ถึงกับแห้ง มีก้อนหินใหญ่เล็กเรียงรายตามร่องน้ำตลอดทางประมาณ 300 เมตร
ปัจจุบันได้ปรับปรุงอาณาบริเวณและสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกให้เหมาะกับการพักผ่อน ซึ่งมีการตั้งต่อท่อน้ำร้อนลงมายังสระน้ำด้านล่าง มีบริการสระอาบน้ำร้อนอยู่ 3 แบบ คือ
1. สระดิน เป็นบ่อที่ธารน้ำร้อนไหลลงมา จำลองเหมือนบ่อธรรมชาติ พื้นที่เปิดโล่ง มีร่มเงาต้นไม้ น้ำสีฟ้าคล้ายน้ำทะเล แต่อาจไม่เป็นส่วนตัวเพราะเป็นที่โล่ง คนภายนอกมองเห็นได้ อุณหภูมิของน้ำอยู่ที่ประมาณ 40-50 องศาเซลเซียส ความลึกระดับเอว
ค่าบริการ คนไทย – ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 10 บาท
ค่าบริการ ต่างชาติ – ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 30 บาท
2.  สระกระเบื้อง เป็นสระที่อยู่อีกฝั่ง เดินเข้าไปในสวนไม้ประดับ มีความเป็นส่วนตัว มีขนาดเล็กกว่าสระดิน เป็นสระลักษณะกลมเหมือนสระว่ายน้ำเด็ก มีที่นั่งแช่รอบสระ ระดับน้ำประมาณ 60 ซ.ม. สามารถใส่ขาสั้นและเสื้อลงสระได้ อุณหภูมิประมาณ 56 องศาเซลเซียส
ค่าบริการ คนไทย – ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 30 บาท
ค่าบริการ ต่างชาติ – ผู้ใหญ่ 80 บาท เด็ก 50 บาท
3. ที่แช่เท้า (ไม่เสียค่าบริการ) มี 2 จุด) คือ บ่อปูนสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเล็ก และตรงปากท่อน้ำไหล ที่ปล่อยน้ำร้อนจากสระดินสู่สระน้ำขนาดใหญ่จะก่อปูนไว้สำหรับนั่งแช่เท้า
หากไม่อยากลงไปแช่ในสระรวม ก็มีห้องตักอาบให้ เดินขึ้นมา ประมาณ 50 เมตรจากที่เก็บเงินค่าเข้า เมื่อถึง 3 แยก ขวามือเป็นร้านอาหารขาย ไก่ย่าง ส้มตำ อาหารตามสั่งต่างๆ และเป็นจุดจำหน่ายบัตรเข้าบ่อน้ำร้อน ซ้ายมือ คือทางเดินไปจุดต้นกำเนิดธารน้ำร้อนซึ่งอยู่ห่างจากห่างจากสระน้ำร้อนทั้งสองไปอีก ประมาณ 150 เมตร สามารถเดินไปสำรวจตาน้ำร้อนที่น้ำไหลซึมออกมาจากพื้นทรายได้ ที่จุดต้นน้ำนี้เป็นจุดที่มีอุณหภูมิสูงสุด ไม่อนุญาตให้ลงไปแช่เท้าได้เนื่องจาก ต้นธารน้ำร้อนใช้เป็นน้ำอุปโภคสำหรับชาวบ้านด้วย
การเดินทางจากกรุงเทพฯ ระยะทางประมาณ 174 กิโลเมตร ใช้ ถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) หรือ ใช้ถนนสายปิ่นเกล้า - นครชัยศรี ( ทางหลวงหมายเลข 338 ) ไปจังหวัดนครปฐม จากนั้นขับตรงสู่จังหวัดราชบุรี (ระยะทางห่างจาก กรุงเทพฯ-ราชบุรี 100 กิโลเมตร) ออกเดินทางต่อตามทางหลวงเส้นเดิมหมายเลข 3087 ผ่านตัวอำเภอสวนผึ้ง (ระยะทางห่างจาก ราชบุรี-อ.สวนผึ้ง 53 กิโลเมตร) ผ่านที่ว่าการอำเภออำเภอสวนผึ้ง ผ่านทางแยกซ้ายมือเข้าโป่งยุบ ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำภาชี จากตัวอำเภอสวนผึ้งไปทางน้ำตกเก้าโจน ประมาณ 5 กิโลเมตร จากนั้นจะพบแยกเลี้ยวซ้ายที่ซอยข้างภูผาผึ้ง ระยะทางอีก 10 กิโลเมตร ถึงสามแยกป้อมตำรวจเลี้ยวซ้าย ผ่านสถานีอนามัยห้วยผาก จะถึงธารน้ำร้อนบ่อคลึง ซึ่งอยู่ทางด้านซ้ายมือเลี้ยวรถเข้าไปประมาณ 20 เมตร จ่ายค่าเข้าแล้วเดินอีกประมาณ 200 เมตรจะถึงบริเวณที่แช่น้ำแร่ (ระยะทางห่างจาก อ.สวนผึ้ง-ธารน้ำร้อนบ่อคลึง 15 กิโลเมตร)


5.ถ้ำสาริการาชบุรี
ราชบุรี
วันเปิดทำการ: ทุกวัน
เวลาเปิดทำการ: 08.00 - 17.00
รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว :
ถ้ำสาริกา ตั้งอยู่ที่ บ้านถ้ำสาริกา หมู่ 8 ต.ธรรมเสน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี  เป็นถ้ำหนึ่งที่มีประวัติยาวนานตั้งแต่สมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ตามบันทึกเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ว่า พระเจ้าตากสินฯ พร้อมไพร่พลจำนวน 500 คนแหกด่านกรุงศรีฯ เข้ามาพักแรมค้างคืนในถ้ำแห่งนี้ นำโดยนายทองด้วง หรือ รัชกาลที่ 1 ซึ่งในอดีตนายทองด้วงเคยดำรงตำแหน่งเป็น หลวงยกกระบัตรเมืองราชบุรี มาก่อน เมื่อทรงพักแรม 1 คืน และได้รวบรวมอาสาสมัครและเสบียงอาหารเพิ่มเติมแล้วออกเดินทางลัดเลาะไปตามชายฝั่งทะเล เพื่อไปตั้งก๊กที่เมืองจันทบุรี ต่อมา พ.ศ. 2433 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5  ทรงเสด็จประพาสถ้ำแห่งนี้ โดยเสด็จทางน้ำ แล้วมาขึ้นบกที่ท่าน้ำเกาะพลับพลา ณ ทุ่งธรรมเสน จังหวัดราชบุรี แล้วทรงนั่งช้างต่อมาพร้อมกับข้าราชบริพาร ตามลายแทงของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ซึ่งในครั้งนั้นพ.ศ. 2399 ได้เสด็จทางเรือ เพื่อมาศึกษาบริเวณถ้ำแห่งนี้ตามบันทึกของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จนกระทั่งปี พ.ศ. 2511 มีการสร้างปูชนีวัตถุ 2 รูป คือ พระสังกระจาย และพระสีวรี พร้อมสร้างบันไดขึ้นถ้ำจนแล้วเสร็จ
สมัยก่อนมีฐานะเป็นเพียงสำนักสงฆ์ แต่เนื่องจากมีผู้แวะเวียนมาปฏิบัติธรรมอยู่เป็นประจำ ต่อมาจึงได้รับอนุญาตจัดตั้งวัดถ้ำสาริกา เมื่อปี พ.ศ. 2530  โดยนายทองเอิบ นางสมเชื้อ ใยพิมล ชาวกรุงเทพมหานคร เป็นผู้ดำเนินการ ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของคณะสงฆ์มหานิกาย มีเนื้อที่ราว 22 ไร่ ทิศเหนือติดกับที่ดินเอกชน ทิศใต้ติดทางสาธารณประโยชน์ ทิศตะวันออกติดภูเขา ทิศตะวันตกติดทางสาธารณประโยชน์ อาคารเสนาสนะ ประกอบด้วย อุโบสถ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2543 เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก กุฏิสงฆ์ จำนวน 3 หลัง เป็นอาคารไม้ 1 หลัง ครึ่งตึกครึ่งไม้ 2 หลัง นอกจากนี้มีหอระฆัง ปูชนียวัตถุ มีพระประธานประจำอุโบสถ พระเจดีย์ 1 องค์ และพระพุทธรูปปางต่างๆอีกจำนวนหนึ่ง
ด้วยความโดดเด่นของวัดถ้ำสาริกา ที่สะอาดร่มรื่น มีต้นไม้นานาพันธ์ ภายในถ้ำมีหินงอก หินย้อยสวยงาม และเป็นห้องโถงใหญ่ แยกเป็นถ้ำร้อน ถ้ำเย็นนี้เอง ทำให้ที่นี่เงียบสงบเหมาะแก่การปฏิบัติธรรม จัดเป็นสถานที่ฝึกอบรมทางพระพุทธศาสนา และเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ให้นักท่องเที่ยวได้นมัสการพระพุทธรูป และชมความงามหินงอกหินย้อยภายในถ้ำ
วันเวลาเปิดทำการทุกวันตั้งแต่ 08.00 - 17.00 น.