ราชบุรี
วันเปิดทำการ: วันพุธ - วันอาทิตย์
เวลาเปิดทำการ: 09.00 - 16.00
รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว :
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติราชบุรี ตั้งอยู่ถนนวรเดช ใกล้กับหอนาฬิการิมแม่น้ำแม่กลอง ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ราชบุรี จัดตั้งขึ้นเมื่อ วันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ.2529 ตัวอาคารเป็นอาคารศาลากลางหลังเก่า อาคารพิพิธภัณฑ์เคยใช้เป็นศาลากลางจังหวัดมาก่อน สร้างขึ้นเมื่อปี 2465 ในสมัยรัชการที่ 6 มีสถาปัตยกรรมที่มีกลิ่นอายของตะวันตก เช่น ประตูหน้าต่าง เสา มุม โค้งต่างๆได้รับการบูรณะจากกรมศิลปากร จัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติในปี พ.ศ. 2431 และบูรณะเรื่อยมา จนใน ปีพ.ศ.2534 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารีเสด็จฯทรงเป็นประธานเปิด พิพิธภัณฑ์อย่างเป็นทางการ เป็นสถานที่จัดแสดงแหล่งประวัติศาสตร์และความเปลี่ยนแปลงในแต่ละช่วงเวลาของจังหวัดราชบุรี โดยจัดแสดงโบราณวัตถุ ศิลปวัฒนธรรมของ ชาวจังหวัดราชบุรี ศิลปะพื้นบ้าน เครื่องมือเครื่องใช้ วัฒนธรรมความเป็นอยู่ของชนกลุ่มต่าง ๆ ในจังหวัดราชบุรี เช่น ลาวโซ่ง กระเหรี่ยงและไทย-ยวน รวมถึงจัดแสดงแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ในจังหวัดราชบุรี เรียกได้ว่า มาที่เดียวได้ทั้งความรู้และความบันเทิง
การจัดแสดงนิทรรศการภายแบ่งการจัดแสดงออกเป็น 5 ส่วนดังนี้
•สภาพทางภูมิศาสตร์และธรรมชาติวิทยาของจังหวัดราชบุรี
•ประวัติศาสตร์และโบราณคดีของราชบุรี จัดแสดงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ และโบราณคดีที่พบในจังหวัดราชบุรี เรียงตามลำดับยุคสมัย เริ่มตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ โบราณวัตถุที่โดดเด่นนอกจากพระแสงดาบราชศัสตราประจำมณฑลราชบุรีแล้ว ยังมี พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมี ศิลปะขอมแบบบายน เป็น 1 ใน 5 องค์ที่ขุดพบในประเทศไทยซึ่งมีสภาพสมบูรณ์งดงามที่สุด
•เผ่าชนชาติพันธุ์วิทยาของจังหวัดราชบุรี จัดแสดงเรื่องราวของชาวจังหวัดราชบุรี ที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติและเผ่าพันธุ์ ชาวไทยพื้นถิ่นภาคกลาง ชาวไทยจีน ชาวไทย-ยวน ชาวไทยมอญ ชาวไทยกะเหรี่ยง ชาวไทยลาวโซ่ง ชาวไทยลาวเวียง และชาวไทยเขมรลาวเดิม
•มรดกดีเด่น
•ราชบุรีในปัจจุบัน จัดแสดงสภาพทั่วไปของจังหวัดราชบุรีในปัจจุบันด้านต่างๆ รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยว ในจังหวัด
•พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30–16.30 น. ปิดวันจันทร์ วันอังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ค่าเข้าชม ชาวไทย 20 บาท (เด็กเข้าชมฟรี) ชาวต่างชาติ 100 บาท นักเรียน นักศึกษาในเครื่องแบบ ภิกษุ สามเณร นักบวชในศาสนาต่างๆ และแขกทางราชการที่ขอเข้าชมเป็นหมู่คณะไม่ต้องเสียค่าเข้าชม
นอกจากนี้ยังบริการการนำชมเป็นหมู่คณะ การบรรยายทางวิชาการ บริการห้องสมุดสำหรับการศึกษาค้นคว้าและข้อมูลทางด้านประวัติศาสตร์โบราณคดี
ราชบุรี
วันเปิดทำการ: ทุกวัน
เวลาเปิดทำการ: 06.00 - 12.00
รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว :
ตลาดน้ำดำเนินสะดวก ตั้งอยู่ใน จังหวัดราชบุรี และยังเชื่อมไปถึง จังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดสมุทรสงครามเข้าด้วยกันตลาดน้ำดำเนินสะดวกจะเริ่มค้าขายกันตั้งแต่ 05.00-12.00 น. สินค้าที่มีให้เลือกซื้อ ก็จะมีทั้งของกิน ของใช้ และของที่ระลึกมากมาย รวมถึงสินค้าหัตถกรรม ซึ่งเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติ
คลองดำเนินสะดวก เป็นนามพระราชทานจากรัชกาลที่ 5 เป็นคลองที่ขุดด้วยแรงงานคนซึ่งขุดได้ตรงและยาวที่สุดในประเทศ จากพระราชดำริของรัชกาลที่ 4 ที่ทรงพระประสงค์ให้ขุดคลองเชื่อมต่อระหว่างแม่น้ำแม่กลองและแม่น้ำท่าจีน เพื่อประโยชน์ในการคมนาคมและการค้าขาย คลองดำเนินสะดวก ใช้เวลาในการขุด ใช้เวลาขุด 2 ปีเศษ จากปลายรัชสมัยรัชกาลที่ 4 แล้วเสร็จต้นรัชกาลที่ 5 มีความยาวประมาณ 32 กิโลเมตรมีซอยน้อยแยกออกไปอีกประมาณ 200 คลอง ตลาดน้ำดำเนินสะดวก หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าตลาดน้ำคลองต้นเข็ม สักประมาณ 30 ปีที่แล้ว ตลาดน้ำดำเนินสะดวกอยู่ที่คลองลัดพลี หนาแน่นช่วงปากคลองต่อกับคลองดำเนินสะดวก ซึ่งอยู่ตรงข้ามตลาดน้ำปัจจุบัน(ฝั่งตรงตลาดน้ำดำเนินสะดวก) มีเรือพายแท้ ๆ จากชาวสวนแน่นขนัด สามารถเดินข้ามคลองได้โดยเหยียบไปบนเรือเหล่านั้น ปี 2514-2516 ตลาดน้ำคลองลัดพลีเป็นช่วงที่มีความเจริญมาก มีการค้าขายกับอย่างสนุกสนาน โดยมีนักท่องเที่ยวแต่ชาวต่างชาติ จนมีนายทุนได้ทำการขุดคลองเทียมขึ้นมา ระหว่างคลองลัดพลี และคลองดำเนินสะดวก หวังที่จะทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวแต่ไม่ประสบความสำเร็จ ตั้งแต่ตลาดน้ำที่แท้จริงหายไป (20กว่าปีมาแล้ว) ซึ่งตลาดน้ำในปัจจุบันนี้ เป็นเพียงการสตาฟตลาดน้ำในอดีตให้คงอยู่เท่านั้น อย่างไรก็ตามตลาดน้ำดำเนินที่เก่าแก่กว่าร้อยปี ยังคงมีมนต์ขลังเป็นตลาดน้ำที่ยังคงเป็นของจริง ยังมีจากแม่ค้าที่นำผลไม้จากสวนมาขาย หรือบางครั้งอาจรับผลไม้มาจากรถบรรทุกที่อื่นขาย เป็นอะไรสุดท้ายที่ควรไปชม ตลาดน้ำดำเนินสะดวก ยังมีบริการเรือเช่านำเที่ยว เรือพาย ราคา 300 บาท เรือหางยาว ราคา 600 บาท นั่งได้ประมาณ 8 คน พาไปดูสวน การทำน้ำตาลสด ใช้เวลาประมาณ 45 นาที สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวอำเภอดำเนินสะดวก ห่างจากตลาดน้ำดำเนินสะดวกออกมาประมาณ 1 กิโลเมตร มีการบริการนั่งช้าง ชมตลาดน้ำดำเนินสะดวก มีสถานีตำรวจค่อยให้บริการนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทางด้านภาษาและค่อยตรวจสอบทางด้านราคาสินค้าให้แก่นักท่องเที่ยว ทางด้านอาหาร มีเรือบริการพายมาขายตามข้างทาง ทางด้านการเงิน มีธนาคาร กรุงไทย และ ธนาคารอยุธยา บริการทางด้านการเงินสำหรับการแลกเปลี่ยนเงินตราและการตรวจสอบอัตราการแลกเปลี่ยน
เดินทางอย่างไร :โดยรถประจำทาง
การเดินทางโดยรถประจำทางของ บริษัท ขนส่ง จำกัด รถธรรมดา ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ ถนนบรมราชชนนี รายละเอียดติดต่อได้ที่ โทร. 434-5557-8 และมีรถปรับอากาศ รถออกที่สถานีขนส่งปรับอากาศสายใต้ ถนนบรมราชชนนี รายละเอียดติดต่อได้ที่ โทร. 435-1199
นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวสามารถจะเดินทางไปกับรถยนต์ บขส. สายอื่นๆ ก็ได้เช่น สายกรุงเทพฯ -เพชรบุรี, กรุงเทพฯ-หัวหิน, กรุงเทพฯ -ราชบุรี, กรุงเทพฯ-ประจวบฯ แล้วลงที่ตรงทางแยกบางแพ ต่อจากนั้นก็นั่งรถสองแถว ซึ่งวิ่งระหว่างทางแยกบางแพไปดำเนินสะดวก มีตลอดเวลาทุกๆ 10 นาที
โดยทางอื่นการเดินทางโดยทางรถยนต์ ใช้เส้นทางปิ่นเกล้า-นครชัยศรี (ทางหลวงหมายเลข 338) แยกขวาเข้าอำเภอดำเนินสะดวก หรือไปตามทางหลวงสายเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) ผ่านบางแค สวนสามพราน นครชัยศรี นครปฐม เลยกม.ที่ 83 ไปเล็กน้อย จะมีทางแยกซ้ายมือ ไปตามทางหลวงหมายเลข 325 อีก 25 กม. รวมระยะทาง 81 กม. หรือจากกรุงเทพฯ ไปตามสายธนบุรี-ปากท่อ (ทางหลวงหมายเลข 35) ผ่านสมุทรสาคร รวมระยะทาง 63 กม. จะมีแยกขวามือไปสมุทรสงคราม (ทางหลวงหมายเลข 326) สิ้นสุดที่ตัวเมือง รวมระยะทาง 3 กม. เลี้ยวเข้าสู่ทางหลวงจังหวัดหมายเลข 325 อีก 12 กม. ถึงเขตดำเนินสะดวก ก่อนถึงสะพานธนะรัชต์ 200 เมตร จะมีป้ายบอกทางเข้าชมตลาดน้ำดำเนินสะดวก ซึ่งเป็นทางเดียวกับทางเข้าวัดโชติธรรมยการามเป็นระยะทาง 2 กม. ที่นี่มีท่าเรือพจวรรณ ซึ่งอยู่ติดกับตลาดน้ำคลองต้นเข็ม รวมระยะทาง 80 กม. หรือ ถ้าไม่แวะเข้าที่แยกนี้ จะเลยสะพานธนะรัชต์ไปเลี้ยวขวาบริเวณที่จอดรถ บขส. จะมีท่าเรือเสรีเคมีเกษตร เป็นท่าเรือใหญ่มีเรือให้เช่าทั้งเรือหางยาวขนาดใหญ่จุได้ 22 คน และเรือหางยาวขนาดเล็กที่เรียกว่าเรือสองตอน จุ 6-8 คน โดยทั่วไปคิดชั่วโมงละ 200-300 บาท/ลำ
3. อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม
ราชบุรี
วันเปิดทำการ:วันจันทร์ - วันอาทิตย์
เวลาเปิดทำการ: 08.30 - 17.00
รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว :
อุทยานหุ่นขี้ผิ้งสยาม ตั้งอยู่บริเวณถนนเพชรเกษมตำบลวังเย็น อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี มีเนื้อที่ประมาณ 45 ไร่ ภายใต้ความร่มรื่นของพรรณไม้ที่อยู่ระหว่างเส้นทางสถานที่จัดแสดง อุทยานหุ่นขี้ผิ้งสยาม เกิดขึ้น จากความตั้งใจ และความคิดของผู้ก่อตั้งซึ่ง มีรากฐานการเริ่มต้นของงานมาจากงานหล่อพระพุทธรูป งานหล่อประติมากรรมรูปต่างๆ จากประสบการณ์เป็นระยะเวลากว่า 40 ปี ทำให้ผู้ก่อตั้งมีความคิดที่จะสร้างสรรค์ ผลงานประติมากรรมรูปเหมือน ของพระสงฆ์รูปต่างๆ ซึ่งจำพรรษาในกุฏิ และรูปเหมือนบุคคล สำคัญต่างๆที่ท่านผู้ก่อตั้ง มีความศรัทธายกย่อง ในด้าน แนวความคิด ในการทำงาน และการดำเนินชีวิต จนประสบความสำเร็จ รวมทั้งรูปเหมือน วิถีชีวิตวัฒนธรรม ความเป็นไทย ในภาคต่างๆ ของประเทศไทย จึงได้ก่อตั้งโครงการอุทยาน หุ่นขี้ผึ้งสยามขึ้นมา โดยจัดแสดงเป็นส่วนๆ ดังนี้
1.อาคารเชิดชูเกียรติ จัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสบุคคลสำคัญต่าง ๆ ของไทย และในภูมิภาค เช่น ม.ล. ปิ่น มาลากุล นักการศึกษาคนสำคัญ ฯพณฯ ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์นักกฎหมาย ศาสตราจารย์ ดร. ป๋วย อึ้งภากรณ์ นักเศรษฐศาสตร์ ผู้วาง รากฐานนโยบายเศรษฐกิจของไทย อาจารย์ มนตรีตราโมท บรมครูผู้อนุรักษ์และสืบสานงานดนตรี ไทย คุณสืบนาคะเสถียร นักอนุรักษ์ธรรมชาติซึ่ง ยอมสละชีพเพื่อรักษาผืนป่าอันเป็นที่รัก แม่ชีเทเรซ่า แม่พระของ ชาวโลก ประธานาธิบดีโฮจิมินห์ วีรบุรุษผู้กอบกู้เอกราชของ เวียดนาม เหมา เจ๋อตุงและเติ้ง เสี่ยว ผิง นักปฏิวัติผู้นำประเทศจีน เป็นต้น อาคารจัดแสดง จัดให้เส้นทางให้เดินอย่างเป็นระเบียบ
2.ลานพระ 3 สมัย จัดแสดงพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ในสมัยสุโขทัย อยุธยา และเชียงแสน บนลานกว้างท่ามกลางธรรมชาติ และมี ป้ายแสดงรายละเอียดของลักษณะ พระพุทธรูปของแต่ละสมัยที่แตกต่างกัน
3. ถ้ำชาดก พอเดินจากลานพระ 3 สมัย จะพบความสดชื่นจากน้ำตกจำลอง และพบกับถ้ำชาดกเป็นการจัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งเรื่องราวตามลำดับของพระเวสสันดร ในรูปแบบแสง สี เสียง ทั้งตอนชูชกขอกัญหา ชาลี จากพระเวสสันดร ตอนชูชกกินจนท้องแตกตาย
4.กุฏิพระสงฆ์ และหอสวดมนต์ ภายในกุฏิพระสงฆ์จะมีการประดิษฐานหุ่นขี้ผึ้งจำลองพระอริยสงฆ์ ผู้มีชื่อเสียงและเป็นที่เคารพบูชาของประชาชน มีเสียงบันทึกบรรยายประวัติของแต่ละท่านให้ทราบ
1.กุฏิพระสงฆ์ภาคกลาง สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) สมเด็จพระสังฆราช
2.กุฏิพระสงฆ์ภาคเหนือ ครูบาศรีวิชัย สิริวิชโย วัดบ้านปาง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่
3.กุฏิพระสงฆ์ภาคอีสาน พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต วัดป่าสุทธาวาส จังหวัดสกลนคร หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ วัดอรัญบรรพต อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย
4.กุฏิพระสงฆ์ภาคใต้ พระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์ (หลวงปู่ทวด) วัดช้างไห้ จังหวัดปัตตานี พระครูวิสัยโสภณ (พระอาจารย์ทิม ธัมมธโร) วัดช้างไห้ จังหวัดปัตตานี
5.หอสวดมนต์ ประดิษฐานหุ่นจำลองในลักษณะร่วมประชุมกัน
1. หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ วัดบางคลาน จ. พิจิตร
2. หลวงพ่อทองคำ (พระเมตตาวิหารคุณ) วัดบึงบา จ. ปทุมธานี
3. หลวงปู่สุภา กันตสีโล วัดสิลสุภาราม จ.ภูเก็ต
4. หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดระหารไร่ จ.ระยอง
5. หลวงปู่คำพัน โฆสปัญโญ วัดธาตุมหาชัย จ.นครพนม
6. บ้านไทยสี่ภาค เป็นการจำลองบ้านไทยตามลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่เด่นชัดจาก 4 ภาคในประเทศไทย ทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอิสาน และภาคใต้ ภายในบ้านแต่ละหลังจำลองวิถีชีวิตความเป็น อยู่ของคนไทยในแต่ละภาค ที่สอดคล้อง กับสภาพสังคมวัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม
วันเวลาเปิดทำการ
วันจันทร์-วันศุกร์ : 09.00-16.30 น.
วันเสาร์,วันอาทิตย์ และ วันหยุดนัตขฤกษ์ : 08.30 –17.00 น.
อัตราค่าเข้าชมอุทยานฯ ผู้ใหญ่ 80 บาท เด็กและพระสงฆ์ 40 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 300 บาทเด็ก 200 บาท
(ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุราสอบถามไปยังอุทยานอีกครั้ง)
ราชบุรี
วันเปิดทำการ:ทุกวัน
เวลาเปิดทำการ: 08.00 - 17.00
รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว :
ธารน้ำร้อนบ่อคลึง เป็นบ่อน้ำแร่ร้อนธรรมชาติของเอกชน ในที่ดินของบริษัทราชบุรีเหมืองแร่และเกษตรกรรมจำกัด บ้านห้วยผาก หมู่ที่ 7 ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัด ราชบุรี ห่างจากตัวเมืองราชบุรี ประมาณ 74 กิโลเมตร ผู้ค้นพบ คือ นายประยูร โมนยะกุล เมื่อ ปี พ.ศ. 2468 ธารน้ำร้อนแห่งนี้มีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 50-57 องศาเซลเซียส หรือ ประมาณ 120-136 องศาฟาเรนไฮต์ ผุดจากใต้พื้นผิวโลกที่ร้อนจัดขึ้นมาตามซอกหินเชิงเขาตะนาวศรี ไม่มีกลิ่นฉุน ไม่มีแร่ธาตุที่ระคายเคือง ใสสะอาด ประกอบด้วยธาตุคาร์บอน เกลือและแร่ธาตุอื่นๆ น้อยกว่า 1 กรัม/ลิตร มีน้ำร้อนไหลตลอดทั้งปี แม้ในฤดูแล้งปริมาณน้ำไหลจะน้อยลงบ้างแต่ไม่ถึงกับแห้ง มีก้อนหินใหญ่เล็กเรียงรายตามร่องน้ำตลอดทางประมาณ 300 เมตร
ปัจจุบันได้ปรับปรุงอาณาบริเวณและสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกให้เหมาะกับการพักผ่อน ซึ่งมีการตั้งต่อท่อน้ำร้อนลงมายังสระน้ำด้านล่าง มีบริการสระอาบน้ำร้อนอยู่ 3 แบบ คือ
1. สระดิน เป็นบ่อที่ธารน้ำร้อนไหลลงมา จำลองเหมือนบ่อธรรมชาติ พื้นที่เปิดโล่ง มีร่มเงาต้นไม้ น้ำสีฟ้าคล้ายน้ำทะเล แต่อาจไม่เป็นส่วนตัวเพราะเป็นที่โล่ง คนภายนอกมองเห็นได้ อุณหภูมิของน้ำอยู่ที่ประมาณ 40-50 องศาเซลเซียส ความลึกระดับเอว
ค่าบริการ คนไทย – ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 10 บาท
ค่าบริการ ต่างชาติ – ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 30 บาท
2. สระกระเบื้อง เป็นสระที่อยู่อีกฝั่ง เดินเข้าไปในสวนไม้ประดับ มีความเป็นส่วนตัว มีขนาดเล็กกว่าสระดิน เป็นสระลักษณะกลมเหมือนสระว่ายน้ำเด็ก มีที่นั่งแช่รอบสระ ระดับน้ำประมาณ 60 ซ.ม. สามารถใส่ขาสั้นและเสื้อลงสระได้ อุณหภูมิประมาณ 56 องศาเซลเซียส
ค่าบริการ คนไทย – ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 30 บาท
ค่าบริการ ต่างชาติ – ผู้ใหญ่ 80 บาท เด็ก 50 บาท
3. ที่แช่เท้า (ไม่เสียค่าบริการ) มี 2 จุด) คือ บ่อปูนสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเล็ก และตรงปากท่อน้ำไหล ที่ปล่อยน้ำร้อนจากสระดินสู่สระน้ำขนาดใหญ่จะก่อปูนไว้สำหรับนั่งแช่เท้า
หากไม่อยากลงไปแช่ในสระรวม ก็มีห้องตักอาบให้ เดินขึ้นมา ประมาณ 50 เมตรจากที่เก็บเงินค่าเข้า เมื่อถึง 3 แยก ขวามือเป็นร้านอาหารขาย ไก่ย่าง ส้มตำ อาหารตามสั่งต่างๆ และเป็นจุดจำหน่ายบัตรเข้าบ่อน้ำร้อน ซ้ายมือ คือทางเดินไปจุดต้นกำเนิดธารน้ำร้อนซึ่งอยู่ห่างจากห่างจากสระน้ำร้อนทั้งสองไปอีก ประมาณ 150 เมตร สามารถเดินไปสำรวจตาน้ำร้อนที่น้ำไหลซึมออกมาจากพื้นทรายได้ ที่จุดต้นน้ำนี้เป็นจุดที่มีอุณหภูมิสูงสุด ไม่อนุญาตให้ลงไปแช่เท้าได้เนื่องจาก ต้นธารน้ำร้อนใช้เป็นน้ำอุปโภคสำหรับชาวบ้านด้วย
การเดินทางจากกรุงเทพฯ ระยะทางประมาณ 174 กิโลเมตร ใช้ ถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) หรือ ใช้ถนนสายปิ่นเกล้า - นครชัยศรี ( ทางหลวงหมายเลข 338 ) ไปจังหวัดนครปฐม จากนั้นขับตรงสู่จังหวัดราชบุรี (ระยะทางห่างจาก กรุงเทพฯ-ราชบุรี 100 กิโลเมตร) ออกเดินทางต่อตามทางหลวงเส้นเดิมหมายเลข 3087 ผ่านตัวอำเภอสวนผึ้ง (ระยะทางห่างจาก ราชบุรี-อ.สวนผึ้ง 53 กิโลเมตร) ผ่านที่ว่าการอำเภออำเภอสวนผึ้ง ผ่านทางแยกซ้ายมือเข้าโป่งยุบ ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำภาชี จากตัวอำเภอสวนผึ้งไปทางน้ำตกเก้าโจน ประมาณ 5 กิโลเมตร จากนั้นจะพบแยกเลี้ยวซ้ายที่ซอยข้างภูผาผึ้ง ระยะทางอีก 10 กิโลเมตร ถึงสามแยกป้อมตำรวจเลี้ยวซ้าย ผ่านสถานีอนามัยห้วยผาก จะถึงธารน้ำร้อนบ่อคลึง ซึ่งอยู่ทางด้านซ้ายมือเลี้ยวรถเข้าไปประมาณ 20 เมตร จ่ายค่าเข้าแล้วเดินอีกประมาณ 200 เมตรจะถึงบริเวณที่แช่น้ำแร่ (ระยะทางห่างจาก อ.สวนผึ้ง-ธารน้ำร้อนบ่อคลึง 15 กิโลเมตร)
5.ถ้ำสาริการาชบุรี
ราชบุรี
วันเปิดทำการ: ทุกวัน
เวลาเปิดทำการ: 08.00 - 17.00
รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว :
ถ้ำสาริกา ตั้งอยู่ที่ บ้านถ้ำสาริกา หมู่ 8 ต.ธรรมเสน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เป็นถ้ำหนึ่งที่มีประวัติยาวนานตั้งแต่สมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ตามบันทึกเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ว่า พระเจ้าตากสินฯ พร้อมไพร่พลจำนวน 500 คนแหกด่านกรุงศรีฯ เข้ามาพักแรมค้างคืนในถ้ำแห่งนี้ นำโดยนายทองด้วง หรือ รัชกาลที่ 1 ซึ่งในอดีตนายทองด้วงเคยดำรงตำแหน่งเป็น หลวงยกกระบัตรเมืองราชบุรี มาก่อน เมื่อทรงพักแรม 1 คืน และได้รวบรวมอาสาสมัครและเสบียงอาหารเพิ่มเติมแล้วออกเดินทางลัดเลาะไปตามชายฝั่งทะเล เพื่อไปตั้งก๊กที่เมืองจันทบุรี ต่อมา พ.ศ. 2433 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ทรงเสด็จประพาสถ้ำแห่งนี้ โดยเสด็จทางน้ำ แล้วมาขึ้นบกที่ท่าน้ำเกาะพลับพลา ณ ทุ่งธรรมเสน จังหวัดราชบุรี แล้วทรงนั่งช้างต่อมาพร้อมกับข้าราชบริพาร ตามลายแทงของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ซึ่งในครั้งนั้นพ.ศ. 2399 ได้เสด็จทางเรือ เพื่อมาศึกษาบริเวณถ้ำแห่งนี้ตามบันทึกของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จนกระทั่งปี พ.ศ. 2511 มีการสร้างปูชนีวัตถุ 2 รูป คือ พระสังกระจาย และพระสีวรี พร้อมสร้างบันไดขึ้นถ้ำจนแล้วเสร็จ
สมัยก่อนมีฐานะเป็นเพียงสำนักสงฆ์ แต่เนื่องจากมีผู้แวะเวียนมาปฏิบัติธรรมอยู่เป็นประจำ ต่อมาจึงได้รับอนุญาตจัดตั้งวัดถ้ำสาริกา เมื่อปี พ.ศ. 2530 โดยนายทองเอิบ นางสมเชื้อ ใยพิมล ชาวกรุงเทพมหานคร เป็นผู้ดำเนินการ ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของคณะสงฆ์มหานิกาย มีเนื้อที่ราว 22 ไร่ ทิศเหนือติดกับที่ดินเอกชน ทิศใต้ติดทางสาธารณประโยชน์ ทิศตะวันออกติดภูเขา ทิศตะวันตกติดทางสาธารณประโยชน์ อาคารเสนาสนะ ประกอบด้วย อุโบสถ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2543 เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก กุฏิสงฆ์ จำนวน 3 หลัง เป็นอาคารไม้ 1 หลัง ครึ่งตึกครึ่งไม้ 2 หลัง นอกจากนี้มีหอระฆัง ปูชนียวัตถุ มีพระประธานประจำอุโบสถ พระเจดีย์ 1 องค์ และพระพุทธรูปปางต่างๆอีกจำนวนหนึ่ง
ด้วยความโดดเด่นของวัดถ้ำสาริกา ที่สะอาดร่มรื่น มีต้นไม้นานาพันธ์ ภายในถ้ำมีหินงอก หินย้อยสวยงาม และเป็นห้องโถงใหญ่ แยกเป็นถ้ำร้อน ถ้ำเย็นนี้เอง ทำให้ที่นี่เงียบสงบเหมาะแก่การปฏิบัติธรรม จัดเป็นสถานที่ฝึกอบรมทางพระพุทธศาสนา และเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ให้นักท่องเที่ยวได้นมัสการพระพุทธรูป และชมความงามหินงอกหินย้อยภายในถ้ำ
วันเวลาเปิดทำการทุกวันตั้งแต่ 08.00 - 17.00 น.
6.สวนสัตว์เปิด สถานีวิจัยการเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาประทับช้าง
ราชบุรี
วันเปิดทำการ: ทุกวัน
เวลาเปิดทำการ: 08.00 - 16.00
รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว :
สวนสัตว์เปิด สถานีวิจัยการเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาประทับช้าง มีพื้นที่อยู่ในเขตตำบลดินกอง อำเภอเมืองและตำบลปากช่อง อำเภอจอมบึง ตั้งอยู่เชิงเขาประทับช้าง เขตติดต่อกับสวนพฤกษศาสตร์วรรณคดีภาคกลาง เป็นศูนย์เพาะเลี้ยง และขยายพันธ์สัตว์ป่าที่กำลังจะสูญพันธ์ ส่วนหนึ่งจัดเป็นสวนสัตว์เปิดให้ประชาชนทั่วไปได้ชมสัตว์ป่าอย่างใกล้ชิด มีพื้นที่โดยรอบทั้งหมด 30 ไร่ เป็นพื้นที่เฉพาะให้นักท่องเที่ยวเดินชมสัตว์ที่อยู่ในสวนสัตว์ได้ประมาณ 10 ไร่ ซึ่งสัตว์ที่อยู่ในสวนสัตว์เปิด สถานีวิจัยการเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาประทับช้าง เป็นสัตว์ที่ชาวบ้าน หรือประชาชนบริจาคเข้ามาทั้งหมด ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของศูนย์เพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์สัตว์ป่าเขาประทับช้าง กองอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมป่าไม้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นสวนป่าร่มรื่น รวบรวมพรรณไม้ในวรรณคดีหายากหลายชนิด และ เป็นสถานีเดียวที่มีการเพาะเลี้ยงและแพร่พันธุ์เสือ นอกจากนี้ยังมีสัตว์อื่นๆ เช่น เลียงผา ไก่ต๊อก กวาง เสือ นกกระจอกเทศ ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสัตว์ที่ได้รับการบริจาคหรือถูกจับยึดมาได้ นำมาอภิบาลและขยายพันธุ์ ให้อาศัยอยู่ในบริเวณสวนสัตว์เปิดเขาประทับช้าง เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมทุกวัน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่ยินดีรับการบริจาค เพื่อใช้เป็นค่าอาหารสัตว์และค่าบำรุงสวนสัตว์
เฉพาะในช่วงเดือนธันวาคม-เมษายนจะเป็นช่วงที่ดอกอรพิมบานสะพรั่งสีขาว บริสุทธิ์ เหมาะเป็นสถานที่พักผ่อนและศึกษาธรรมชาติพันธุ์ไม้ และนอกจากนั้นยังได้จัดทำเส้นทางเดินศึกษาธรรมชา เส้น “พฤกษานานาพรรณ” มีทั้งหมด 13 สถานี ระย ะทาง 900 เมตร ใช้เวลาในการเดิน 45 นาที ตลอดเส้นทางผ่านแปลงพรรณไม้ที่เกี่ยวข้องกับวรรณคดีไทย เช่น พืชสมุนไพร พรรณไม้ประจำจังหวัด และสัตว์ป่าที่พบ เช่น เสือ กวาง เก้ง เป็นต้น ทุกปีประมาณเดือนมกราคมและมิถุนายน ทางสวนพฤกศาสตร์ฯได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง จัดกิจกรรมวิ่งและขี่จักรยานเสือภูเขา ชมสวนมวลไม้
เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น.
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โท ร. 0 3221 1025 ต่อ 807, ประชาสัมพันธ์ โทร. 0 6163 1871
การเดินทาง รถโดยสารประจำทาง จากกรุงเทพฯ นั่งรถสายกรุงเทพฯ - จอมบึง มาลงที่หน้าถ้ำเขาบิน สวนพฤกษศาสตร์วรรณคดีภาคกลาง เขาประทับช้างอยู่ฝั่งตรงข้ามปากทางเข้าถ้ำเขาบิน
7.ศูนย์สืบทอดศิลปผ้าจก ราชบุรี
ราชบุรีวันเปิดทำการ: ทุกวัน
เวลาเปิดทำการ: 08.30 - 17.00
รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว : ศูนย์สืบทอดศิลปะผ้าตีนจกราชบุรีตั้งอยู่ที่วัดแคทราย หมู่ 13 ต.คูบัว อ.เมืองราชบุรี เป็นศูนย์สาธิดการทอผ้าและจำหน่ายผ้าจกไทยญวน เก็บรักษาตัวอย่างผ้าจกที่มีลวดลายดั้งเดิม ด้วยความตระหนักในคุณค่าและความต้องการในการที่จะอนุรักษ์และสืบทอดศิลปะผ้าจกของชาวไท-ยวน ให้คงอยู่เป็นมรดกทางภูมิปัญญาของชาวไท-ยวน ในราชบุรีสืบไป นายอุดม สมพร และสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนวัดแคทราย ผู้ซึ่งเป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากชาวไท-ยวนที่อพยพโยกย้ายจากเมืองเชียงแสน จึงได้มีการจัดตั้งศูนย์สืบทอดศิลปะผ้าจกขึ้น เมื่อปี พ.ศ.2530 โดยความร่วมมือสนับสนุนของหน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานเอกชน และองค์การกุศลต่างๆ ทั้งในจังหวัดราชบุรี และจังหวัดอื่นๆ เพื่อให้เป็นศูนย์วิชาการผ้าจก สำหรับการศึกษาค้นคว้าแก่นักเรียน นักศึกษา และประชาชนผู้สนใจทั่วไป โดยได้กราบบังคมทูลเชิญ สมเด้จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์ ฯ เมื่อวันที่ 14 ต.ค.2534 อันเป็นคราวเดียวกันกับที่เสด็จพระราชดำเนินเปิดพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติราชบุรี
ลายโบราณจะมีลายหลักทั้งหมด 9 ลาย ได้แก่ ลายโก้งเก้ง ลายดอกเซีย ลายกาบ ลายหน้าหมอน ลายดอกแก้ว ลายหักนกคู่ ลายโก้งเก้งซ้อนเซีย ลายกาบดอกแก้ว ลายแคทราย โดยที่ลายแคทรายนี้เริ่มมาจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จมาที่วัดแคทราย และได้ปลูกต้นแคทราย อาจารย์อุดม สมพร ท่านจึงให้คนไปแกะรูปดอกแคทรายมาทำเป็นลาย นอกจากนี้ยังมีลายประกอบ ได้แก่ ลายดอกข้าวตอก ลายขอประแจ ลายกูด ลายนกคู่กินน้ำฮ่วมเต้า ลายขอเหลียว ลายนกเข้าโฮง ลายนาค ลายม้า ลายนก ลายซะเปา ลายมะลิเลื้อย เป็นต้น
ภายในศูนย์ได้จำแนกพื้นที่ใช้สอยเป็น 2 ส่วนด้วยกัน
โดยส่วนแรกเป็นส่วนจัดแสดง และเก็บรักษาผ้าจกที่จัดแสดงและเก็บรักษาอยู่ภายในตู้จัดแสดง ตามหลักวิชาการจัดแสดงผ้าของพิพืธภัณฑสถาน ซึ่งมีตัวอย่างผ้า ทั้งผ้าจกโบราณและผ้าจกที่ทอขึ้นใหม่ ตามแบบโบราณ จัดแสดงให้ผู้ที่สนใจศึกษากว่าร้อยผืน
ในขณะที่ส่วนที่สอง เป็นส่วนสาธิตและฝึกหีดการทอผ้าจก อันจะมีสตรีไท-ยวนคอยสาธิตการทอผ้าให้ชมและศึกษาตลอดเวลาที่ศูนย์เปิดให้บริการ และในส่วนนี้ยังมีกี่ทอผ้าจก ที่พุ่งกระสวยด้วยมือใหญ่ที่สุดในโลก จัดแสดงไว้ให้ชมอีกด้วย
วันเวลาเปิดทำการ
ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09:00-17:00 น. โดย ไม่เสียค่าธรรมเนียมเข้าชม
สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0 3230 0031
การเดินทาง
รถส่วนตัว ให้ไปในเส้นทางที่ไปตำบลคูบัว ระยะทางห่างจากตัวเมืองประมาณ 7 กม.
รถประจำทางที่สถานีขนส่งกรุงเทพฯ(สายใต้)รถออกประมาณชั่วโมงละหนึ่งคันเมื่อไปถึงตัวเมืองราชบุรี ให้เหมามอเตอร์ไซด์รับจ้างหรือรถสามล้อเครื่องให้ไปส่ง
8.จิปาถะภัณฑ์สถานบ้านคูบัว
ราชบุรี
วันเปิดทำการ: ทุกวัน
เวลาเปิดทำการ: 09.00 - 16.00
รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว : จิปาถะภัณฑ์บ้านคูบัว ตั้งอยู่ในบริเวณวัดโขลงสุวรรณคีรี ตำบลคูบัว อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี จิปาถะภัณฑ์บ้านคูบัวเป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นของชุมชนด้วยความริเริ่มของชุมชนหลายองค์กรในพื้นที่
แนวคิดตั้งแต่เริ่มแรก คือต้องการที่จะเชิดชูเกียรติคุณของบรรพชนไทย-ญวนที่อยู่ในจังหวัดราชบุรีให้เป็นที่รู้จักแก่ประชาชนทั่วไป บ้านคูบัว เป็นชื่อของตำบลคูบัว อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี เริ่มโครงการตั้งแต่ พ.ศ. 2542 โดยเริ่มการก่อสร้างและให้คนเข้าเยี่ยมชมโดยไม่เป็นทางการตั้งแต่ พ.ศ. 2548 โดยคณะ คสด. ย่อมาจาก คณะผู้สูงอายุรวมตัวก่อการดี พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นการต่อยอดให้ลูกหลานยุวชนที่ได้สร้างสรรค์นวัตรกรรมทางวัฒนธรรมขึ้นมาใหม่ได้เข้าไปต่อยอดได้เลย สิ่งที่ทำมาคือเราทำในช่วงชีวิตของเราที่ได้ย้อนอดีตไปตั้งแต่ 203 ปีที่คนในคณะ คสด. ก็คงจะต้องหยุดไว้ ณ พ.ศ. นี้แล้วต่อไปผู้ที่จะเกิดมาใหม่ก็สามารถต่อยอดศิลปวัฒนธรรมของตนเองที่ได้พัฒนาไปได้อีก ตัวอาคารยาว 24 เมตร กว้าง 18 เมตร มี 2 ชั้น บริเวณรอบ ๆ มีต้นไม้ที่ปลูกไว้สำหรับให้ร่มเงากับตัวอาคารมีบริเวณโบราณสถานสมัยทาราวดีอยู่ใกล้เคียงติดกันเลยโบราณสถานสมัยทาราวดีซึ่งมีอายุประมาณ 2,400 ปีเป็นโบราณสถานองค์ใหญ่ซึ่งกรมศิลปากรได้ไปขุดตกแต่งและขึ้นทะเบียนไว้ในระหว่าง พ.ศ. 2504-2506 แล้วนอกจากโบราณสถานองค์ใหญ่นี้ยังมีรอบ ๆ อีกหลายแห่งที่เอาไว้ให้นักโบราณคดีหรือผู้สนใจเข้าไปเยี่ยมชมศึกษาความเป็นมาของอารยธรรมรุ่นก่อน ๆ ได้
อาคารจิปาถะภัณฑ์จัดชั้นล่างเป็นการเริ่มต้นเอาภูมิปัญญาของคนไทยสมัยทาวารวดีซึ่งได้แก่ ศิลปะปูนปั้น ดินเผาที่รูปเป็นรูปบุคคล รูปภาพ รูปนาค และพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าที่เป็นเศษเหลือจากที่กรมศิลปากรได้ทิ้งไว้ แล้วก็เหลือจากผู้ที่ขุดค้นลักลอบไปขายแล้วขายไม่ได้ก็เอามาเก็บไว้ที่วัดโขลงสุวรรณคีรี และได้ขออนุญาตสมภารวัดองค์ก่อน ๆ นั้นเอามาตั้งแสดงไว้เป็นหนึ่งห้อง คือ คล้าย ๆ ว่าเราเชิดชูภูมิปัญญาของบรรพชนสมัยทาราวดีไว้หนึ่งห้อง จากนั้นเป็นห้องที่แสดงภูมิปัญญาของคนไทยโยนกเชียงแสน หรือคนล้านนาที่ได้เคลื่อนย้ายมาจากเมืองเชียงแสนไปอยู่ที่คูบัวเมื่อประมาณ 200 ปี มาแล้ว เช่น วัตถุที่แสดงถึงการทำมาหากินที่อยู่อาศัยหลับนอน แม้กระทั่งกิจกรรมพัฒนาชุมชนของคนรุ่นพ่อแม่ด้วย ใช้หุ่นขี้ผึ้งเป็นตัวสื่อในการแสดงให้เห็น
จากนั้นอีกห้องใช้หุ่นแสดงกิจกรรมการกินอยู่หลับนอนสอนลูกหลานการประชุมระดมสมองของบรรพชนของเราว่าร่วมคิดร่วมอ่านพัฒนาชุมชน แม้กระทั่งผู้นำมาซึ่งจิตวิญญาณได้แก่หุ่นของพระเกจิอาจารย์ที่เป็นสมภารวัดที่เป็นเชื้อสายไทย-ญวนเกือบทุกวัดถัดไปก็เป็นห้องที่เรานำเสนอเรื่องวัฒนธรรมเกี่ยวกับการเก็บเกี่ยว การนวดข้าว การตำข้าว แปรรูปข้าวเปลือกเป็นข้าวสารที่ชาวไทยใช้ภูมิปัญญาในการแปรรูปข้าวเปลือกมาเป็นข้าวสารเราทำอย่างไรบ้าง
9.เขาแก่นจันทน์
ราชบุรี
วันเปิดทำการ:
ทุกวัน
เวลาเปิดทำการ: 07.00 - 18.00
ข้อมูลการติดต่อ
- ตำบลห้วยไผ่ อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี 70000 Tel. -สอบถามข้อมูล
หมวดหมู่ : ดอยและภูเขา
รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว :
เขาแก่นจันทร์ เดิมชื่อ เขาจันทร์แดง ตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษม ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 2 กม. มีความสูงประมาณ 141 เมตร เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในจังหวัด มีถนนตัดขึ้นไปถึงยอดเขา บนยอดมีวิหารประดิษฐานพระพุทธนิโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ หรือ ที่ชาวบ้านเรียกว่า “พระสี่มุมเมือง” เป็นพระ 1 ใน 4 องค์ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น แล้วพระราชทานไปประดิษฐานไว้ ณ เมืองต่าง ๆ สี่เมืองได้แก่ ราชบุรี ลำปาง สระบุรี และพัทลุง ด้านบนสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ตัวเมืองราชบุรี บนยอดเขาแก่นจันทร์ สามารถนำรถส่วนตัวขึ้นไปได้ ยกเว้นรถ 6 ล้อขึ้นไป เพราะทางแคบชันและโค้งหักศอก
พระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ หรือ พระพุทธรูปสี่มุมเมือง ซึ่งมีอยู่ 4 องค์ สร้างขึ้นตามความเชื่อและโบราณประเพณีของบ้านเมืองที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา ที่จะต้องมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกป้องขอบขัณฑสีมาทั้งสี่ทิศ โดยการสร้างพระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศนั้นเป็นการสร้างพระพุทธรูปแบบ จตุรพุทธปราการ คือเป็นการนำเอาวัดหรือพระพุทธรูปเป็นปราการทั้งสี่ด้าน เพื่อปกป้องภยันตรายจากอริราชศัตรู ปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย เสริมสร้างดวงชะตาแก่บ้านเมืองและคุ้มครองพสกนิกรทั้งมวลให้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข พระพุทธลักษณะของพระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิราบตามแบบศิลปะสุโขทัย โดยมีพระพักตร์แจ่มใส พระเนตรเปิด พระหัตถ์ขวาทับพระหัตถ์ซ้าย พระบาทขวาทับพระบาทซ้าย หล่อด้วยสำริด ขนาดหน้าตักกว้าง 49 นิ้ว ประดิษฐานอยู่ภายในมณฑปจัตุรมุข ก่ออิฐถือปูน โครงสร้างสร้างคาเป็นเครื่องไม้มุงทับด้วยกระเบื้องอย่างไทยโบราณ บานประตู หน้าต่าง และหน้าลงรักปิดทองทั้งสี่ด้าน
บริเวณเชิงเขาเป็นที่ตั้งของพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า จุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ชาวราชบุรีได้พร้อมใจกันสร้างในโอกาสฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ 200 และสร้างเป็นสวนสาธารณะจักรีอนุสรณ์สถาน ปัจจุบันเป็นสวนสาธารณะที่สวยงามเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจและออกกำลังกายของประชาชนทั่วไป มีอุปกรณ์สำหรับการออกกำลังกายมากมายหลายอย่าง มีร้านอาหารจำนวนในบริเวณค้างเขียง ใกล้เชิงเขาแก่นจันทร์อีกฝั่งยังมีศาลเจ้าแม่แก่นจันทร์ที่ชาวราชบุรีให้ความเคารพศรัทธานิยมมากราบไหว้ขอบารมีคุ้มครอง
วันและเวลาเปิดทำการ
ทุกวัน ตั้งแต่เวลา เปิดปิดประตูด้านล่างทางขึ้นเขา 05.30-19.30 น.
ไปมาแร้วสวยมาก
ตอบลบบางที่ยังไม่เคยไปเลยจะลองไปบ้าง
ตอบลบดีๆๆ ในจังหวัดยังเที่ยวไม่หมดเลย
ตอบลบไปตลาดน้ำดำเนินมาคนเยอะมากๆ
ตอบลบว่างๆๆต้องไปซะหน่อย
ตอบลบไปมาหมดแรีวววว
ตอบลบยังเที่ยวไม่หมดเลย
ตอบลบเราคนราชบุรีเอง แต่ยังเที่ยวไม่ครบเรย อิอิ
ตอบลบเห็นแล้วน่าเที่ยวจุง...
ตอบลบมีที่เที่ยงเยอะเลยนิ
ตอบลบยังมีอีกหลายที่..ที่ยังไม่ได้ไป
ตอบลบยังเท่ยวไม่หมด
ตอบลบยังเที่ยวไม่หมดเลย
ตอบลบน่าเที่ยวมากๆ
ตอบลบ